วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

ถ้าไม่ใช่เธอ

เขียนเอาไว้ประมาณปีที่แล้วครับ.....ไม่อยากแก้เพราะกล้วจะลืมความรู้สึกตอนนั้นไป

หากฉันมิได้เป็นของเธอ

วันที่ไปกาดสวนแก้วขากลับฉันได้หนังถูกใจมาเรื่องหนึ่ง ถ้าบอกออกไปแล้วเหล่าโอตาคุทั้งหลายคงร้องอ๋อกันเป็นทิวแถว ฉันเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยอมรับตามตรงว่า “มันเจ๋ง” ขนาดว่าครั้งหนึ่งฉันเองเคยมีแฟนที่ไว้ผมทรงเดียวกันกับตัวละครในเรื่องเลยที่เดียว(อายานามิ เรย์) ไม่ว่าจะเป็นต้นฉบับเมื่อ 12 ปีก่อนที่ฉันเองนั่งดูจบไปสามรอบแล้วยังต้องถามตัวเองว่า อะไรของมันวะ ( งง) หรือว่าจะเป็นฉบับ Rebuild ที่เพิ่งออกแผ่นไปไม่นานนี้ นั่นก็คือ ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง EVANGELION:1.01 : YOU ARE (NOT) ALONE นั่นเอง โดยในฉบับสร้างใหม่นี้มีการทำให้ดูเข้าใจง่ายขึ้น กราฟฟิกสวยขึ้น หลายคนที่ดูแล้วคงพูดได้คำเดียวว่า สุโค่ย หรือถ้าเป็นเด็กแถวบ้านฉันคงจะบอกว่า สุ ย่อ ป่ะ เล่อ รวมถึงเพลงประกอบของภาคนี้ ทั้ง Beautiful world และ fly me to the moon ที่ได้อุทาดะ ฮิคารุ นักร้องคนโปรดของฉันเป็นคนร้องฟังแล้วคงต้องบอกว่า สุโค่ย(อีกที) โดยเฉพาะ beautiful world นั้น ฮิกกี้เป็นคนเขียนเนื้อร้องและเรียบเรียงดนตรีเองอีกด้วย (เพลงนี้รวมอยู่ในอัลบัม heart station วางแผงเมื่อปลายปีที่แล้ว) แต่วันนี้ฉันอยากจะเขียนถึงเพลงประกอบของภาค THE END OF EVANGELION มากกว่า เพราะกลัวว่าหลายคนพอได้ใหม่แล้วจะลืมเก่าเดี๋ยวพอได้หน้าแล้วจะลืมหลังซะยังงั้น สองเพลงในภาคจบของอีวานเกเลี่ยน (If I can’t be yours กับ come, sweet death) ฉันเองคิดว่าก็เพราะไม่แพ้กันเลยทีเดียว


Now it’s time. I fear to tell
(จวบมาถึงเวลา แต่ฉันก็ยังกลัวที่จะกล่าว)

I’ve been holding it back so long.
(สิ่งที่ฉันนั้นได้เก็บซ่อนไว้มานาน)

But something strange deep inside of me is happening.
(แต่มีบางสิ่งที่แปลกกำลังเกิดขึ้นภายในจิตใจของฉัน)

I feel unlike I’ve ever felt And it’s makin’ me scared
(ฉันไม่เคยรู่สึกเช่นนั้นมาก่อน มันทำให้ฉันกลัว)

That I may not be what I (think I am)
(และรู้ว่าแท้ที่จริงฉันมิได้เป็นเช่นดั่งที่ฉันเคยคิด)

What of us, what do I say
(เรา, ฉันจะพูดถึงอย่างไรดี)

Are we both from a different world
(หรือเราต่างก็มาจากพิภพอื่นซึ่งมิใช่ที่นี่)

Cos every breath that I take, I breath it for you
(เพราะทุกลมหายใจของฉันนั้น มันเกิดขึ้นเพื่อเธอ)

I couldn’t face my life without you
(ฉันคงไม่สามารถเผชิญกับชีวิตที่ปราศจากเธอ)

And I’m so afraid. There’s nothing to comfort us
(และฉันก็หวาดหวั่น เพราะไร้สิ่งใดที่จะให้เราได้พักพิง)

What am I, if I can’t be yours.
(ฉันจะเป็นสิ่งใด หากฉันมิได้เป็นของเธอ)

I don’t sleep, don’t feel a thing
(ฉันนอนไม่หลับ ไม่รู้สึกถึงสิ่งใดใด)

And my senses have all but gone
(และทุกสัมผัสต่างมลาย)

Can’t even cry from the pain, can’t shed a tear now
(ไม่อาจแม้แต่จะร้องไห้ให้กับความเจ็บปวด ไม่มีแม้หนึ่งหยาดน้ำตา)

I realize. We’re not the same
(ฉันรู้...เธอกับฉันนั้นแตกต่าง)

And it’s makin’ me sad
(ซึ่งมันทำให้ฉันเสียใจ)

Cos we can’t fulfil our dream (in the life)
(เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราทั้งคู่นั้นจะร่วมเติมฝันให้เป็นความจริง)

So I must, let us break free
(ไร้หนทาง, เราคงต้องต่างแยกจากไป)

I can never be what you need.
(ฉันไม่เคยเป็นได้ดั่งเธอหวัง)

If there was a way through the hurt, then I would find it
(หากแม้นมีหนทางฉันก็พร้อมที่จะค้นหา)

I’d take the blows. Yes I would fight it
(ผจญฝ่าแม้ว่าจะต้องเจ็บปวด)

But this is the one impossible dream to live
(แต่นั่นคือความฝัน เธอกับฉันมิอาจอยู่กับมันได้)

What am I, if I can’t be yours.
(ฉันจะเป็นสิ่งใดหากฉันมิได้เป็นของเธอ)


THANATOS – IF I CAN’T BE YOURS. (หากฉันมิได้เป็นของเธอ)

อยากฟังก็ตามนี่ไปเลยล่ะกัน ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=42rozNfj0AA

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น